ในวงการบันเทิง มีดาราน้อยใหญ่พร่างพราย ทั้งดวงเล็กดวงใหญ่แตกต่างกันไป ในวงการหุ้นก็เช่นเดียวกันคือมีทั้งหุ้นใหญ่เด่นและดัง และหุ้นเล็กหุ้นน้อยที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก
หุ้นที่เด่นเป็นพระเอกในวงการค้าหุ้น-ตลาดหุ้น ก็คือหุ้นบลูชิพ(BLUE CHIP) มักเป็นของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ฐานะมั่นคงแข็งแกร่งดังภูผา ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะค่อนข้างมั่นคงเสมอ ไม่ค่อยกระเพื่อมขึ้นลงอย่างวูบวาบ อีกทั้งเป็นกิจการใหญ่โต มูลค่าหุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดมีจำนวนมหาศาล ยากที่คนกลุ่มน้อยจะเข้าควบคุมหรือปั่นราคาหุ้นได้ตามใจชอบ นักลงทุนในกลุ่มที่ต้องการความมั่นคงจึงชอบหุ้นประเภทนี้มากที่สุด ในทางกลับกัน ราคาหุ้นประเภทนี้มีข้อเสียตรงที่การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นมักเป็นไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อมีพระเอกก็ต้องมีพระรอง และตัวประกอบอื่นๆในตลาดหุ้นจึงมีแนวที่2 และ3(เมื่อเทียบกับหุ้นบลูชิพ)บริษัทจดทะเบียนที่เป็นเจ้าของหุ้นประเภทนี้ จะมีขนาดการประกอบการเล็กกว่าบริษัทหุ้นบลูชิพมาก แต่ราคาหุ้นเหล่านี้กลับมีการขึ้นลงรวดเร็วและวูบวาบไม่มั่นคง เป็นที่นิยมของนักเล่นหุ้นเพื่อเก็งกำไร เพราะไม่ต้องลงทุนมากก็ซื้อได้ และอาจรวยอย่างฉับพลันแต่พึงสังวรไว้ด้วยว่า หุ้นประเภทนี้มีความเสี่ยงสูงมาก เวลาหุ้นตกก็น่ากลัวมาก
ยังมีหุ้นอีกประเภทหนึ่ง เป็นหุ้นเล็กๆหรือจิ๋ว ที่ไม่อาจเทียบได้แม้กับหุ้นระดับ2-3 ทั้งปริมาณและมูลค่าการซื้อขาย ยิ่งไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับหุ้นบลูชิพ ดังนั้น หุ้นประเภทนี้ปกติแล้วแทบไม่เป็นที่สนใจของนักลงทุนเลย
แต่ในหลายปีที่ผ่านมาก ตลาดหุ้นที่บูมมาก หุ้นขนาดจิ๋วกลับกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่บริษัทต่างๆต้องการ ทั้งนี้ เนื่องจากว่าตลาดหุ้นที่ฮ่องกง ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการรับบริษัทจดทะเบียนใหม่ค่อนข้างเคร่งครัด หากบริษัทใดต้องการยื่นขอเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ก็จะต้องเสียเวลามาก เมื่อเป็นเช่นนั้น บางบริษัทที่ใคร่จะเป็นบริษัทจดทะเบียนโดยด่วน จึงหันมาใช้วิธีกว้านซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนขนาดจิ๋ว จากนั้นก็อัดฉีดเงินจำนวนมากทำการปรับปรุงโครงสร้างกิจการของบริษัท ตลอดจนเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ในฐานะบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดยิ่งใหญ่ขึ้น และบรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ในที่สุด
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น