วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หุ้นสามัญ : ORDINARY SHARE

clip_image001

          “สามัคคีคือพลัง” คงไม่มีไว้เล่าแค่ในนิทานเท่านั้น ในทางด้านเศรษฐกิจ กลยุทธ์ในการระดมทุนก็ยังนำมาใช้ให้ได้ผลนั้น คงจะหนีไม่พ้นการออกหุ้น

ถ้าบริษัทต้องการระดม ก็สามารถออกหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธ์ และหุ้นกู้ได้ หุ้นสามัญที่จริงอันเป็นเรื่องเบสิกของการก่อตั้งบริษัทเลย เพราะหุ้นสามัญคือหลักทรัพย์ที่บริษัทนำออกจำหน่ายแรกสุด ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆขึ้นมาชิ้นหนึ่ง และได้รับสิทธิบัตรแล้ว ตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจหรือมองเห็นว่าอุตสาหกรรมใหม่ตัวนั้นมีอนาคตสดใส

มีทางบุกเบิกได้สำเร็จในช่วงเวลาอันสั้น แล้ววางแผนลงทุนตั้งโรงงานจ้างคนทำการผลิต และนำสินค้าออกจำหน่ายในตลาด แต่ตัวคุณเองมีเงินทุนจำกัด คุณก็สามารถไปสรรหาบุคคลกลุ่มหนึ่งมาร่วมลงทุนก่อตั้งเป็นบริษัท โอเคนะ สมมุติว่ามี คนสนใจเข้าร่วมลงทุน40 คนคนละ 20,000 บาทบริษัทก็จะออกหุ้น 40 หุ้นหุ้นละ 20,000 บาท ขอจดทะเบียนตามกฎหมายจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด โดยบริษัทจะมีทุนจดทะเบียน 800,000 บาท และเริ่มลงมือทำการผลิต หุ้นที่จำหน่ายออกไปได้ในการระดมทุนเมื่อบริษัทแรกเกิดนี่แหล่ะที่เราเรียกกันว่า หุ้นสามัญ ผู้ที่ถือหุ้นสามัญดังกล่าว ก็คือผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ใบหุ้นก็คือ ใบสำคัญแสดงการถือหุ้น

เมื่อบริษัทจำกัดจัดตั้งขึ้นและผู้ถือหุ้นทุกคนชำระเงินเป็นค่าหุ้นแล้ว หุ้นสามัญย่อมมีสิทธิ์ที่จะเข้าควบคุมดูแลการดำเนินธุรกิจของบริษัท ก่อนอื่นเขาเหล่านั้นก็จะมีสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการ กรรมการมีหน้าที่ดำเนินงาน และควบคุมดูแลกิจการของบริษัท

เมื่อคณะกรรมการจัดตั้งขึ้น ก็มีหน้าที่กำหนดเป้าหมายนโยบายการบริหารและการวางแผนการดำเนินธุรกิจต่างๆ แต่เนื่องจากโดยปกติแล้วกรรมการ จะไม่สามารถให้เวลากับการจัดการกับธุรกิจของบริษัทได้มาก การบริหารงานจริงๆมักต้องจ้างคนอื่นมาดำเนินการ ซึ่งจะต้องรายงานความคืบหน้าของการประกอบธุรกิจของบริษัทให้กับคณะกรรมการทราบเป็นระยะ และต้องรับผิดชอบต่อคณะกรรมการ คณะกรรมการจะต้องเรียกประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นปีละ 1 ครั้ง เป็นอย่างน้อย ในที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีสิทธิ์เสนอญัตติเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายด้านการดำเนินธุรกิจได้ หากญัตติเหล่านั้นได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม ก็จะได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารนำไปดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นยังมีสิทธิ์ลงคะแนนในมติต่างๆ เช่น เรื่องการรวมบริษัท การเลิกบริษัทตลอดจนการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ

หากกิจการของบริษัทดำเนินไปด้วยดี ราคาหุ้นก็จะเพิ่มสูงขึ้น กิจการกำไรผู้ถือหุ้นก็จะได้รับเงินปันผล แต่ในการจัดสรรผลกำไร ก่อนอื่นบริษัทจะต้องจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์หรือผู้ถือหุ้นกู้ก่อน ส่วนที่เหลือจึงจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นสามัญ ผู้ถือหุ้นสามัญต้องรับภาระการเสี่ยงสูงกว่า แต่ในอีกด้านหนึ่ง การจัดสรรผลกำไรให้แก่ส่วนอื่นจะอยู่ในวงจำกัดตามมาตรฐานกำหนด ผู้ถือหุ้นสามัญจึงมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าด้วย

กรณีที่บริษัทดำเนินธุรกิจไม่ราบรื่น ผลิตภัณฑ์ไม่เป็นที่นิยมของตลาด ผลประกอบการของบริษัทไม่ดีหรือขาดทุน ผู้ถือหุ้นสามัญจะต้องรับความเสียหายมากกว่า หากถึงกับต้องปิดกิจการไปในที่สุดราคาหุ้นจะตกต่ำมาก หากมีการจัดการชำระบัญชีทรัพย์สินกัน ผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทจะมีสิทธิ์ได้รับการจัดสรรทรัพย์สินเป็นอันดับแรก ถัดไปคือผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ และท้ายสุดจึงจะเป็นของผู้ถือหุ้นสามัญ

เนื่องจากหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์ชนิดหนึ่ง ดังนั้นผู้ถือหุ้นจึงสามารถถ่ายโอนสิทธิ์การถือหุ้นไปให้ผู้อื่นได้อย่างเสรี บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สามารถนำหุ้นของตนเองเสนอขายในตลาดหลักทรัพย์ได้

นักลงทุนทั่วไปไม่สนใจเรื่องอำนาจบริหาร หรือสิทธิ์การควบคุม โดยมากจะมุ่งแต่เรื่องกำไรจากการซื้อขายหุ้นเท่านั้น เขาก็จะเป็นลูกค้าระยะยาวของตลาดซื้อขายหลักทรัพย์

ใบหุ้นทั่วไปจะระบุราคาหุ้นไว้ในใบหุ้น แต่ในสหรัฐมีใบหุ้นชนิดหนึ่งไม่ระบุราคาในใบหุ้น เหตุผลคือเพื่อช่วยให้ราคาของหุ้นมีความยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถขายในราคาใดก็ได้โดยไม่ต้องผูกพันกับราคาในใบหุ้น

ที่ฮ่องกงมีบางบริษัทต้องการควบคุมบริษัทด้วยเงินทุนไม่มาก จึงมีการออกหุ้นใหม่ที่มีมูลค่าหุ้นน้อยกว่าหุ้นสามัญ และแยกหุ้นสามัญออกเป็นประเภท ก. และประเภท ข. หุ้นทั้งสองประเภทมีราคาต่างๆกัน แต่สิทธิ์ในการออกเสียงเท่ากัน

สรุปแล้วหุ้นสามัญช่วยให้เกิดธุรกิจใหม่ๆมากมาย ขณะเดียวกันก็แสดงบทบาทเป็นเครื่องมือที่สำคัญให้กับนักลงทุน ทั้งหลายที่ต้องการลงทุนในกิจการต่างๆ ตลอดจนการหวังกำไรระยะสั้นในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น