วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

หุ้น : Stock

clip_image001

“หุ้น” นับได้ว่าเป็นเครื่องมือการลงทุนยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุด ในตลาดการเงินต่างๆ ของโลก ส่วนในบ้านเราก็เช่นกัน ข่าวคราวการเคลื่อนไหวของตลาดหลักหลักทรัพย์ ได้เป็นที่สนใจอย่างมากของสื่อต่างๆไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ทั้งในการเสนอข่าวคราว และบทวิจารณ์มีอยู่ประจำ

สภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาดหลักทรัพย์ สามารถสะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศหรือภูมิภาคกระทั่งภาวะเศรษฐกิจของโลกได้ ดัชนีตลาดหุ้นที่ขึ้นลงก็ใช้เป็นเครื่องวัดความมั่นใจต่อสังคมและการเมืองของผู้ลงทุนได้ พูดได้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่สามารถแยกออกจาก

ชีวิตประจำวันของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้ว

พูดมาซะยืดยาว ตกลงว่า

  • “หุ้น” คืออะไรล่ะเนี๊ย?
  • ใครเป็นผู้ออกหุ้น?
  • ทำไมมีคนมาซื้อขายหุ้น?

 

บริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เมื่อมีวงเงินค้าขายได้เพิ่มมากขึ้น(ผลประกอบการเติบโตขึ้น) จนถึงระดับที่เห็นว่า มีความจำเป็นต้องขยายขนาดประกอบการแล้ว ก็สามารถออกหุ้นใหม่ขายให้แก่สาธารณชนได้ ด้วยการจดทะเบียนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อหุ้นของบริษัทดังกล่าวได้รับอนุญาตนำไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ผู้ที่ซื้อหุ้นไว้ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคลหรือบริษัท ก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ออกหุ้นนั้นๆ ไปโดยปริยาย

รู้ไหมว่าในเมื่อวัตถุประสงค์ของบริษัทที่ออกหุ้นก็เพื่อระดมเงินทุนขยายธุรกิจ แล้วผู้ที่ซื้อหุ้นไว้ล่ะเขามีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง? โดยทั่วไปการซื้อหุ้นจะประกอบด้วยเหตุผลสองอย่างคือ

  1. การลงทุนเพื่อรักษาค่าของเงินทุน การซื้อหุ้นเป็นได้ทั้งการลงทุนระยะยาว และระยะสั้น ถ้าลงทุนระยะยาว ผู้ถือหุ้นมุ่งผลประโยชน์ที่จะได้จากการเพิ่มค่าของราคาหุ้น เมื่อบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นก็จะได้รับผลประโยชน์ในทันที ส่วนการลงทุนในระยะสั้นมักเก็งกำไร โดยซื้อหุ้นที่ตนเห็นว่าราคามีแนวโน้มถีบตัวสูงขึ้นไว้ในมือ และเมื่อราคาหุ้นตัวนั้นสูงขึ้นก็จะขายทันที ซึ่งจะได้รับผลประโยชน์ตามความคาดหมาย แต่ในบางครั้งก็มีสิทธิขาดทุนได้เมื่อถึงเวลาเอาเข้าจริงหุ้นตัวนั้นกลับมีราคาน้อยลง อันนี้ถือว่าตัดสินใจผิดพลาด การซื้อขายหุ้นชนิดนี้มีลักษณะเหมือนเล่นการพนัน โอกาสที่จะได้และเสียไม่แน่นอน แต่ยังงัยๆก็ยังอ้างอิงข้อมูลชัดเจนเป็นเหตุเป็นผลดีกว่าการเล่นหวยเล่นเบอร์และคนที่ซื้อขายหุ้นประเภทนี้มักถูกรียกว่าเป็นพวกเก็งกำไรหรือ SPECULATOR
  2. การมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกิจการในบริษัทนั้น ผู้ที่ซื้อหุ้นบริษัทจดทะเบียนไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงหุ้นเดียวก็ถือว่ามีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีส่วนในการใช้สิทธิการตัดสินใจในบริษัท แต่ว่าสิทธิดังกล่าวจะมีมากน้อยเพียงใด ย่อมต้องขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่ถือว่ามีมากน้อยในสัดส่วนเพียงใด ฉะนั้น เมื่อบุคคลหรือบริษัทใดถือหุ้น 51% หรือเกินกว่า 51% ของบริษัทผู้ออกหุ้น เขาก็จะมีอำนาจสิทธิขาดในการดำเนินการและขยายธุรกิจของบริษัท ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทดังกล่าวด้วย ถ้าเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อาจมีการจำกัดไม่ให้มีการถือหุ้นเกิน 35% ของหุ้นทั้งหมด (ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง)

เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใดๆ ก็ต้องมีคุณสมบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์นั้นๆ เช่นจะต้องมีสินทรัพย์เท่าไร มีกำไรติดต่อกันกี่ปี เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ผู้ที่จะมาลงทุน

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น