ถ้าเราคิดที่จะลงทุนเป็นผู้ถือหุ้นโดยมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง แต่ก็รู้แล้วว่าการถือหุ้นสามัญต้องรับภาระอัตราเสี่ยงค่อนข้างสูง ทางที่ดีควรพิจารณาซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์โดยเป็น “ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์”
หุ้นบุริมสิทธิ์ง่ายๆก็คือ หุ้นชนิดหนึ่งที่บริษัทนำออกมาจำหน่ายเพื่อระดมทุนจากสาธารณชนมีคุณสมบัติพิเศษอยู่ 2 ประการคือ
- ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์มีสิทธิ์รับการจัดสรรเงินปันผลตามอัตราที่แน่นอนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
- หากบริษัทต้องเลิกกิจการไปในการชำระบัญชี ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์มีสิทธิ์ได้รับการแบ่งปันทรัพย์สินก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ ก็ประมาณว่ามีหลักประกันจะได้รับทุนคืนก่อนกลุ่มผู้ถือหุ้นสามัญ
โดยทั่วไปแล้ว แต่ละบริษัทนั้นมักจะมีข้อกำหนดว่าผุ้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์จะไม่มีสิทธิ์รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการบริษัท ตลอดจนการออกเสียงใดๆ
ที่มาของหุ้นบุริมสิทธิ์ ต้องเล่าย้อนหลังกลับไปอีกเกือบ 100ปี คือเมื่อ ปีค.ศ.1880-1900 ในสหรัฐอเมริกามีกิจการรถไฟหลายแห่งกำลังย่ำแย่ใกล้ล้มละลาย ฝ่ายจัดการได้หาหนทางกอบกู้สถานการณ์ด้วยการเพิ่มทุนและปรับโครงสร้างกิจการครั้งใหญ่ ด้วยวิธีการดึงนายทุนมาร่วมลงทุนแบบใหม่ คือการออกหุ้นชนิดหนึ่งซึ่งมีกำหนดการจัดสรรกำไรในอัตราที่แน่นอน ทั้งยังมีสิทธิ์รับการแบ่งปันทรัพย์สินก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ นั้นคือที่มาของหุ้นบุริมสิทธิ์
จุดมุ่งหมายที่บริษัทออกหุ้นบุริมสิทธิ์ ก็เพื่อดึงนักลงทุนที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยมเป็นสำคัญ เนื่องจากมีเงินปันผลในอัตราที่แน่นอน ฉะนั้นอัตราเสียงของการลงทุนย่อมต่ำกว่าหุ้นสามัญ นอกจากนั้นอัตราการปันผลกำไรของหุ้นบุริมสิทธิ์มักจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของหุ้นกู้บริษัท จึงทำให้หุ้นบุริมสิทธิ์มีแรงดึงดูดใจให้ร่วมลงทุนมากกว่า จุดมุ่งหมายอีกประการหนึ่งคือ เมื่อบริษัทต้องการระดมทุนเพื่อซื้อกิจการของบริษัทอื่น ตามแผนขยายกิจการของตัวเอง ก็มักจะออกหุ้นบุริมสิทธ์
หลังจากหุ้นบุริมสิทธิ์ถือกำเนิดมาหลังจากที่บริษัทรถไฟในสหรัฐออกหุ้นบุริมสิทธิ์เป็นครั้งแรกจนถึงวันนี้ก็เกือบ 100 ปี หุ้นบุริมสิทธิ์ได้แบ่งตังออกมาเป็นหลายประเภทหลายชนิด หลักมีมีอยู่สามตัว คือ
- หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดสะสม มีลักษณะเป็นตัวแทนของหุ้นบุริมสิทธิ์อื่นมากมาย คือ เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายบริษัทไม่อาจจ่ายเงินปันผลในอัตราที่กำหนดแน่นอนตามวันเวลาที่กำหนดให้แก่ผู้ถือหุ้นชนิดนี้ได้ ก็จะคำนวณหาเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะพึงได้ในอัตราสะสมไว้ก่อน และเมื่อใดกิจการของบริษัทกระเตื้องขึ้นหรือกลับเข้าสู่ยุครุ่งเรื่องมีกำไร ทางบริษัทก็จะจ่ายเงินปันผลทั้งหมดให้ รวมทั้งที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ด้วย ส่วนหุ้นที่ไม่สะสมนั้น หากบริษัทไม่มีกำไร ก็จะไม่มีการคำนวณเงินปันผลสะสม ดังนั้น ก่อนที่จะซื้อ เราควรพิจารณาข้อกำหนดต่างๆของบริษัทนั้นๆที่ออกหุ้นให้รอบคอบสียก่อนว่ามีข้อกำหนดเกี่ยวกับการสะสมเงินปันผลหรือไม่ และควรศึกษาสถิติการแบ่งปันผลกำไรของบริษัทนั้นๆให้ดี การถือครองหุ้นบุริมสิทธิ์ไม่เพียงแต่มีสิทธิ์ได้รับการแบ่งปันผลกำไรก่อนเท่านั้น หากยังมีโอกาสรับเงินปันผลกำไรพิเศษ ในขณะที่มีการแบ่งปันผลกำไรให้ผู้ที่ถือหุ้นสามัญด้วย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆบริษัทจะไม่ออกหุ้นบุริมสิทธิ์ เพราะมันดูไม่เป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นสามัญเป็นอย่างมาก การออกหุ้นบุริมสิทธิ์มักจะออกในขณะที่บริษัทมีผลประกอบการย่ำแย่เข้าขั้นขีดสุด หรืออยู่ในสภาวะที่การเงินตกอยู่ในขั้นอันตราย
- หุ้นบุริมสิทธิ์ที่สามารถเปลี่ยนสภาพได้ หุ้นบุริมสิทธิ์ประเภทนี้ค่อนข้างได้รับความนิยมมากๆ คือโดยผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดนี้ สามารถนำหุ้นของตนไปแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญ ราคาของหุ้นแปรเปลี่ยนได้มากกว่าหุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดอื่น และมีความเสี่ยงเหมือนหุ้นสามัญ เมื่อใดบริษัทประสบความสำเร็จในการประกอบการ หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดนี้ก็จะมีราคาสูงขึ้นตามราคาหุ้นสามัญ แต่ในมุมกลับกันหากหุ้นสามัญมีราคาลดต่ำลง หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดนี้ก็จะขาดแรงดึงดูดจากนักลงทุน
- หุ้นบุริมสิทธิ์ชนิดสะสมที่แลกเปลี่ยนได้ หุ้นชนิดนี้ได้รวมเอาคุณสมบัติด้านดีของหุ้นทั้งสองชนิดข้างต้นเข้าไว้ด้วยกัน มีความยืดหยุ่นและมีหลักประกัน และถือเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ยังประโยชน์ให้แก่นักลงทุนมากที่สุด
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น